สปสช. อนุมัติเงินเยียวยาแล้ว หลังหนุ่มร้องเรียนพ่อเสียชีวิตหลีงฉีดวัคซีน แต่ถูกปฏิเสธให้เงินเยียวยา

วันนี้ (6 ก.ย. 64) จากกรณี คุณพิพัฒน์ ร้องเรียนผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้ หลังคุณพ่อ อายุ 91 ปี เสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีน ยื่นเรื่องขอรับเงินเยียวยาจาก สปสช. แต่ได้รับหนังสือตอบกลับว่าไม่เข้าเกณฑ์การได้รับเงินเยียวยา

โดยคุณพิพัฒน์ เผยกับทีมข่าวว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ตนพาคุณพ่อไปฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา ที่สถานีกลางบางซื่อ ต่อมา วันที่ 9 ก.ค. คุณพ่อมีอาการถ่ายเหลวไม่หยุดทั้งวัน ไม่ค่อยมีแรง ตัวสั่นตลอดเวลา ช่วงค่ำน้องสาวต้องประคองคุณพ่อขึ้นไปนอนบนห้อง พอตกดึกได้ยินเสียงดังที่ชั้นบน เมื่อขึ้นไปดูพบว่าคุณพ่อล้มหัวฟาดพื้น หัวแตก นอนอยู่ในห้องน้ำ อุจจาระออกมาเป็นเลือด และมีอาการชักเกร็ง

ตนจึงรับโทรแจ้งรถพยาบาลแห่งหนึ่งมารับตัวไป เมื่อไปถึงโรงพยาบาลคุณพ่อมีความดันสูงมาก หมอต้องฉีดยาลดความดันให้ แต่ตรวจไม่พบเชื้อโควิด และพาตัวเข้าห้องไอซียูทันที โดยอยู่ในห้องไอซียู 3 วัน จากนั้นหมอแจ้งว่าอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว จึงย้ายตัวมาอยู่ห้องธรรมดาอีก 2 วัน ซึ่งคุณพ่ออาการดีขึ้น แต่ยังถ่ายเหลวไม่หยุด ก่อนหมอจะให้กลับบ้านได้ แต่หลังจากคุณพ่อกลับมาอยู่ที่บ้าน ก็ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย ผ่านไป 3 วัน คุณพ่อก็หมดสติ และเสียชีวิตลงที่บ้าน ในวันที่ 16 ก.ค. ซึ่งตนโทรแจ้งรถพยาบาลมาอีกครั้ง แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตคุณพ่อไว้ได้

จากนั้น ตนจึงยื่นเรื่องไปที่ สปสช. เพื่อขอรับเงินเยียวยา แต่กลับได้รับหนังสือตอบกลับว่าไม่เข้าเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น เพราะเห็นว่าเสียชีวิตจากระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว ซึ่งตนรู้สึกว่า การที่คนไข้เกิดอาการแพ้หรือมีผลข้างเคียงหลังจากการฉีดวัคซีน จนนำพาไปสู่การเสียชีวิต ในระยะเวลาอันสั้น ทาง สปสช. ก็ควรที่จะพิจารณาให้เงินเยียวยา เพราะกรณีของคุณพ่อ จากคนที่ไม่มีโรคประจำตัว นอกจากต่อมลูกหมากโต สุขภาพร่างกายแข็งแรงมาตลอด เดินและช่วยเหลือตัวเองได้ แต่กลับอาการทรุดจนต้องเข้าไอซียูหลังจากฉีดวัคซีนเพียง 1 วัน และเสียชีวิตหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน จะไม่เกี่ยวกับวัคซีนได้อย่างไร

ตนจึงยื่นเรื่องอุทธรณ์ขอรับเงินเยียวยาอีกครั้ง ทั้งนี้ ตนต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลของคุณพ่อเกือบ 2 แสนบาท ซึ่งรวมค่าตรวจหาเชื้อโควิดหลายครั้ง ครั้งละ 5,000 บาท ขณะที่ สปสช. ชี้แจงว่า หลักเกณฑ์การพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาเบื้องต้นจะแบ่งเป็น 3 ระดับตามความรุนแรงของอาการไม่พึงประสงค์นั้น ๆ โดยระดับ

1.มีอาการป่วยต้องรักษาต่อเนื่อง จ่ายไม่เกิน 1 แสนบาท มีผู้รับเงินเยียวยาแล้ว 2,641 ราย ระดับ 2.เกิดความเสียหายถึงขั้นสูญเสียอวัยวะหรือพิการจนมีผลต่อการดำรงชีวิต จ่ายไม่เกิน 2.4 แสนบาท มีผู้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว 12 ราย และ ระดับ 3.กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร จ่ายไม่เกิน 4 แสนบาท มีญาติผู้เสียชีวิตรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว 222 ราย ซึ่งในกรณีที่ผู้ยื่นคำร้องไม่เห็นด้วยกับผลการวินิจฉัย ก็มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อเลขาธิการ สปสช. ได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ทราบผลการวินิจฉัย

สำหรับกรณีผู้เสียชีวิตรายนี้ ทางญาติได้ยื่นอุทธรณ์เข้ามาแล้ว ต่อมาวันที่ 3 ก.ย. สปสช. เขต 13 กทม. ได้ส่งเรื่องนี้ให้คณะอนุกรรมการอีกชุดพิจารณาแล้ว ทั้งนี้ มติที่ประชุมอนุมัติให้ได้รับเงินเยียวยา 400,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่จะแจ้งผลการพิจารณาให้ญาติผู้เสียชีวิตทราบต่อไป